บทที่ 1 : เพิ่มความผ่อนคลายสมองมึนๆ
คุณเคยมีศัตรูที่ชื่อว่า 'ความรัก' ไหม?
ความรักที่เราเองก็ไม่รู้ตัวว่าจู่ๆ มันก็พุ่งมาจากทางใด หรือย่องมาจู่โจมเราจากทิศทางไหนก็สุดรู้
กว่าจะรู้ตัวอีกครั้งก็โน่นล่ะ จมปัก .. รักเขาแล้วชนิดที่ถอนตัว ถอนหัวใจไม่ขึ้น
รัก … ทั้งที่ความแค้นแม่งก็ยังไม่ได้รับการเยียวยา
------------------ *
ค่ำคืนหนึ่งท่ามกลางฤดูฝนต้นหนาว ที่มีดวงดาวดาษดาพร่างอยู่เต็มฟากฟ้า บรรยากาศน่าจะเหมือนว่าจะอัดอิ่มอยู่ใต้ความเงียบสงบ แต่ทว่า ณ ด้านหลังของคฤหาสน์หินสีแดงหลังหนึ่งกลับมีเสียงดนตรีสากลอันอึกทึก แถมที่ลานตรงกลางยังจะมีหนุ่มน้อยหน้าสวย สาวน้อยหน้าใสที่แต่งตัวงดงามออกมาประชันโฉม อวดโอ้คุยเล่นกันสนุกสนานกันมาตั้งแต่บ่าย พร้อมกับเหล่าคนรับใช้เดินกันขวักไขว่อลเวง เพราะต้องคอยรับฟังคำสั่งของเหล่าเทวดา ไม่ก็นางฟ้าผู้เอาแต่ใจนิสัยเสียบางคนมาหลายชั่วโมงกันแล้ว
และที่มุมหนึ่งตรงริมสระว่ายน้ำประดับด้วยน้ำตกเทียมแปะด้านข้างมันไว้ด้วยหินสลักเป็นรูปนางอัปสรสวรรค์อันเลียนแบบสถาปัตยกรรมจากขอมโบราณเพราะเป็นรสนิยมของเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้เขาน่ะสิ ที่นั่น .. ปรากฏร่างของสาวน้อยผิวผ่อง รูปร่างสูงโปร่งในชุดราตรียาว นางหนึ่งก็นวยนาดเข้าไปแตะแขนเจ้าภาพวัยดรุณีที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอ
"ข้าวฟ่าง .. เราปวดหัว มึนหัวมาก สงสัยจะไม่ไหวละคืนนี้ ขอตัวกลับบ้านก่อนได้ไหม"
"อ๊ะ เป็นอะไรมากหรือเปล่า ไหนดูสิ เออ ตัวรุมๆ สงสัยจะไข้แดด พอร์ชไม่ชอบอากาศร้อนชื้นแบบนี้นี่"
"อื้อ นั่นแหละ"
"ไปหมอไหม ที่คลินิกใกล้ๆ นี้ที่เคยไป"
"ไม่เอา ข้างฟ้างก็รู้ว่าเราไม่ถูกกับกลิ่นยา เข็มฉีดยา ยัยหมอใหม่ที่คลินิกนั้นมือหนักฉิบหายเลย เข็ด"
"เออ ก็เราเป็นห่วงพอร์ชไง .. งั้นขึ้นไปนอนพักที่ห้องเราก่อนไหม"
"ไม่เอาละ เสียงเพลงที่สนามนี่มันดัง ตึงๆ เราจะยิ่งปวดหัวหนัก"
"จะกลับบ้านหรอ แต่พ่อแม่พอร์ชไม่อยู่มีใครอยู่บ้านครบกันทั้งสองคนอีกแล้วนี่ ช่วงนี้ ใช่หรือเปล่า"
มารดาของสาวน้อยคนป่วยมักจะชอบไปออกทริปท่องเที่ยวต่างประเทศกับบรรดาเพื่อนๆ แก๊งคุณนายประจำ ส่วนบิดาเพิ่งจะพาเมียน้อยคนล่าสุดที่เป็นนักศึกษามาฝึกงานที่บริษัทของบิดาไปเทรนงานกันบนเรือสำราญ อีกหลายวันเชียวละกว่าทั้งคู่จะกลับ ซึ่งเธอก็เคยชินกับการที่พ่อไปทาง แม่ไปทางมานานแล้วทั้งชีวิต ส่วนพี่ชายที่เกิดจากพ่อแม่เดียวกันก็ถูกส่งไปอยู่ต่างประเทศเนื่องจากต้องการหนีคดีขับรถไปชนคนตายทั้งครอบครัวมาตั้งแต่เขาแรกเริ่มเป็นวัยรุ่น ป่านนี้ยังไม่มีวี่แววเลยว่าคนก่อเรื่องนั้นจะได้กลับประเทศแผ่นดินเกิดเมื่อไร อีกอย่าง เธอกับพี่ชาย อายุห่างกันเยอะมาก จนแทบเรียกว่าไม่สนิทกัน
"มันก็เป็นแบบนี้มาทั้งชีวิตฉันแล้ว แกก็รู้"
"เอ่อๆ มันก็เหมือนกับเราน่ะแหละ .. งั้นก็ตามใจพอร์ชเถอะ อืม...ตอนนี้รถไม่ติด คงใช้เวลาถึงบ้านไม่เท่าไร งั้นรีบกลับไปพัก นี่ หน้าซีดใหญ่เชียว"
"สงสัยน่าจะไข้แดดที่ข้าวฟ่างบอกน่ะแหละ คงไม่เป็นอะไรมาก แต่เวียนหัวจัง แล้วเราก็ยากจะนอนพักแค่นั้นละ"
"อะ งั้นตามใจค่ะคุณหนู .. และนี่ .. โทรเรียกลุงรามให้มารับยัง?"
"โทรแล้ว ตาลุงหน้าผีนี่งุ่มง่ามมาก เกลียดชะมัด"
"อ๊ะ! อย่าไปว่า สงสารลุงเขานะ อะ! นั่น ตายยากแหะ .. โน่นแนะ อ้อมรถมารับคุณหนูจอมเหวี่ยงแล้ว ทางโน้น"
"งั้นเราไปล่ะ สุขสันต์วันเกิดนะจ๊ะข้าวฟ่างแสนสวย แล้วอย่าลืมแกะของขวัญของเรานะ รับรองว่าเพื่อนสาวต้องชอบมันมากๆ แน่"
"เอ่อๆ ขอบใจเพื่อนพอร์ชผู้น่ารักอีกครั้งค่ะ แล้วพรุ่งนี้เดี๋ยวโทรคุยไปเม้าท์นะคะ คุณหนู"
"อื้อ ฝากเซย์กู๊ดไนท์กับเพื่อนแก๊งเราด้วย สนุกกันอยู่กลางฟอร์ เราไม่อยากผ่ากลางวงไปกวน"
"อื้อ ได้เลย โน่น ลุงรามออกมายืนก้มหน้าเพราะไม่กล้าสบตาคุณหนู รออยู่นานแล้ว""
'อินทร์ณภัสสร' ปรายตามองชายตัวใหญ่ คนรับใช้ใบหน้าอัปลักษณ์ด้วยอาการเชิดๆ หยิ่งๆ และเธอก็คืออีกหนึ่งในกลุ่มคุณหนูแสนสวยในแก๊งเทพธิดาคาวาอี้ และเป็นบุตรีสุดรักของนักธุรกิจใหญ่ผู้ซึ่งมีนิสัยเจ้าชู้และเป็นผู้ที่ชื่นชอบการมีบ้านเล็กบ้านน้อยเป็นของสะสม จึงมีลูกๆ อยู่ไปทั่วทุกหัวมุมเมือง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเขากลับดันมีเพียงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียว 'คุณหนูพอร์ช' สาวน้อยลูกผสมฝรั่งเศส เวียดนาม - ไทย ในวัยสิบแปด และตอนนี้เธอก็กลายมาเป็นนักศึกษาสาวของมหาลัยนานาชาติชื่อดังแห่งหนึ่งของจังหวัดทางภาคเหนือ ที่นิสัยเชิดหยิ่งเอาแต่ใจที่สุดในกลุ่มจนขึ้นชื่อ
แต่หลังจากกลับมาจากการไปร่วมงานปาร์ตี้วันเกิดของเพื่อนสนิท ที่หญิงสาวจำเป็นต้องเสียมารยาทขอตัวกลับออกมาก่อนเพราะรู้สึกไม่ค่อยสบายเนื้อสบายตัว จนต้องโทรเรียกหาคนขับรถของที่บ้านเธอที่มาส่งและรอรับกลับให้รีบมารับ แม้คนขับรถผู้เคร่งขรึม แต่แคล่วคล่องผู้หน้าตาอัปลักษณ์จะใช้เวลาเพียงแค่ไม่เกินห้านาทีก็ตีรถเลี้ยวมาถึง ถึงกระนั้นคุณหนูผู้เอาแต่ใจก็ยังจะชักสีหน้า หงิกงอ อารมณ์เสียใส่เขาอยู่ดี
และหากพอกลับถึงบ้านเธอก็รีบเดินขึ้นห้องตนเองทันที โดยไม่สนใจว่าคนขับรถกึ่งบอดี้การ์ดหน้าตาอัปลักษณ์แต่มาดเท่สุดๆ จะเอื้อมมือมาจะเปิดประตูฝั่งของเธอให้ แถมยังจะผลักประตูสวนใส่เขาจนคนเอื้อมจะเปิดประตูต้องรีบชักมือหนี แถมยังจะกระโดดหลบได้ไม่ทัน คุณหนูสาวสบถเบาๆ
"ซุ่มซ่าม" จากนั้นก็เชิดหน้า ก้าวเดินฉับๆ ขึ้นบ้านไปเลยโดยไม่แลมองหรือสนใจใคร
"เจ็บไหมลุง?" แว่นแก้ว เด็กทำงานบ้านยื่นหน้ามาถามคนตัวใหญ่เพราะเห็นเขายืนสะบัดมือใหญ่ไหวๆ บรรเทาเจ็บ
"ไม่เป็นไร นิ้วคงซ่นนิดหน่อย เดี๋ยวนวดยาหม่องก็คงหาย" เขาตอบก่อนจะเลื่อนตัวกลับเข้ารถ เอาไปจอดที่โรงเก็บ
ขณะเดียวกัน ...
สาวน้อยผู้เป็นเจ้าของวงหน้างดงามสง่า เรือนร่างสมส่วน งามระหง กระเป๋าถือใบเล็กกระจิ๋วแต่แพงขนาดซื้อรถได้ทั้งคันแต่ตอนนี้มันดันถูกเหวี่ยงบนโต๊ะเครื่องแป้งราวกับเป็นสิ่งของไร้ราคา และยามเมื่อคนอารมณ์ขุ่นมัวเงยหน้าขึ้น มองเห็นตัวเธอเองในเงาสะท้อนของกระจกกรอบขาวสีงาช้าง .. ภาพที่ปรากฏบนนั้นคือสาวน้อยวัยดรุณีที่มีใบหน้าหวาน ใส .. วงหน้ารูปไข่ ผมยาวดำสนิทตามสายเลือดเอเชียที่มีมากกว่า ทิ้งตัวเหยียดยาว นุ่ม สลวย ยิ่งยามเมื่อมันกระทบแสงไฟในห้องก็จะส่องประกาย งามจับตา .. ดูเถอะ แม้ว่าจะไร้ซึ่งเครื่องประทินโฉมใดแล้วในยามนี้เพราะพอเมื่อก้าวมาถึงหน้ากระจก เธอก็จัดการนวดคลีนซิ่งเจลกำจัดมันออกก่อนแล้วเป็นอันดับแรกสุดก่อนเช็ดตามด้วยคลีนเซอร์ แต่ถึงอย่างไรดวงตาคู่งามก็ยังจะเรียกว่าแทบจะทำให้ลมหายใจหลายคนสะดุดลงได้ เพราะมันจะยังคงคมซึ้ง ละเมียดละมุนจนฉุดใจใครก็ตามที่หันมาสบตามอง
และที่ใบหน้านวลแฉล้ม น่ารัก บริสุทธิ์นั้น ที่ถึงแม้ยามเครื่องสำอางจะถูกลบออกไปจนหมดจรดแล้วตอนนี้แต่ก็มิได้ทำความงดงามพริ้มเพราดูลดน้อยด้อยค่าลงไปได้ ต่ำลงไป ชุดเดรสสั้นกลางคืนในสไตล์สาววัยรุ่นสีแดงเข้มจนเกือบค่อนไปทางดำ ตัดเย็บจากกำมะหยี่ที่เธอสวมใส่ยังจะช่วยขับให้ผิวขาวผ่องเป็นยองใย นวลตา .. แทนแขนเสลาเอื้อมอ้อมไหล่ส่งปลายมือไปปลดตะขอ รูดซิปลง และปล่อยให้อาภรณ์โสภาชิ้นแพงระยับ พริ้วไหว ไหลลงไปกองที่ข้อเท้า ก่อนจะก้าวข้ามชุดนั้นออกมา จนเผยให้ร่างงามอวบอิ่มที่ยังติดอยู่ใต้ชุดชั้นในกรุลูกไม้สีดำสนิทที่กลมกลืนไปกับถุงน่องแบบเต็มตัวสีเดียวกัน
เจ้าของร่างเล็กเพรียวบางก้มตัวลง เพื่อจะได้รูดมันผ่านเรียวขาเสลาทั้งสองข้างได้อย่างถนัด ก่อนจะม้วนพันราวลูกบอล แล้วเอี้ยวตัวโยนส่งเดชไป โดยไม่สนใจว่ามันจะตกลงตะกร้าหรือไม่ใดๆ เลย .. เสร็จจากนั้นก็หันหลังไปพาดแขวนชุดราตรีแสนแพงไว้บนที่ราว เพื่อรอให้แม่บ้านนำเก็บมันไปซักอบใหม่ในวันพรุ่งนี้
ฝ่ามือบางขาวเอื้อมอ้อมอีกครั้งเพื่อมาปลดตะขอบราเซียยี่ห้อแพงซึ่งห่อหุ้มประทุมถันอันชูชัน จนเผยให้เห็นเนินเนื้ออวบอั๋นและขาวผ่อง แต้มประดับยอดปลายจะงอยไว้ด้วยชมพูกุหลาบสีเข้ม แสนสวย ที่ดีดผึงเป็นอิสระจากปราการกรุลูกไม้ตัวน้อย แต่มันก็มีโอกาสได้ทอดเงาอยู่ในกระจกได้เพียงครู่เดียว ก่อนที่เจ้าของมันจะเอื้อมมือไปคว้าชุดคลุมอาบน้ำสีม่วงอมน้ำเงินมาห่อหุ้มตัวพร้อมก้าวตรงไปยังห้องน้ำส่วนตัวอันหรูหรา มีจากุชชี่
สงสัยวันนี้ อากาศข้างนอกจะร้อนอบอ้าวเกินไป ยิ่งงานวันเกิดเพื่อนสนิทที่จัดกลางแจ้ง และสนามหญ้ามันคงยังจะอมแดดแรงๆ มาทั้งวัน แม้อาทิตย์จะลับแสงไม่เนิ่นนานแล้ว แต่คนแพ้ความร้อน เพราะชินกับอากาศเย็นของต่างประเทศมากกว่าเพราะเธอเพิ่งจะเดินทางกลับมาอยู่ประเทศไทยไม่ไม่ถึงสามสัปดาห์ จึงทำท่าจะไปไม่รอด เพราะมันปวดหัว เวียนหัว จนต้องรีบรี่ขอตัวกลับออกมาทั้งที่ยังเพียงแค่หัวค่ำ แม้จะรู้ว่าเสียมารยาท แต่เหล่าเพื่อนสนิทของเธอก็น่าจะเข้าใจดีอยู่แล้วล่ะ เชื่อเถอะ
ความเพลีย ความมึนหัว ทำให้อินทร์ณภัสสรคิดว่าการแช่ในน้ำอุ่นๆ สักพักน่าจะทำให้รู้สึกดีขึ้น
เปิดน้ำไว้จนเต็มอ่างจากุชชี่ เลือกบาธบอมบ์กลิ่นลาเวนเดอร์หย่อนลงไปจนมันเกิดฟองฟู่
กลิ่นหอมและสีสันที่กระจายตัวฟู ฟุ้ง .. ยิ่งช่วยเพิ่มความผ่อนคลายสมองมึนๆ
บทที่ 2 : ตกตายไปด้วยพร้อมกัน
ลงมือรวบผมยาวสยายขมวดเป็นมวยง่ายๆ หลวมๆ จากนั้นก็จำกัดชุดคลุมขนหนูตัวหนาพาดราวไม้คลาสสิก
ยื่นนิ้วเกี่ยวขอบอาภรณ์ตัวจิ๋ว รูดออกไปทางปลายเท้าเปลือยเปล่า ปลดปล่อยอิสระ
พลัน .. ร่างอวบอิ่มงามระหงก็ส่องประกายกระจ่างตา
ก่อนที่เจ้าของเรือนร่างงามราวเทพปั้นนั้นจะก้าวลงไปนอนเหยียดยาว แช่ตัวในฟองฟูนุ่มละมุน กลิ่นหอมและความอุ่นของน้ำทำให้กล้ามเนื้อเริ่มผ่อนคลาย ชุบชูด้วยความสุข ความสบายทั้งหมดที่มี
เพียงครู่ใหญ่ ที่ยอมจ่อมจมอยู่ในความรื่นรมย์ จนแน่ใจว่าตนรู้สึกสดชื่นดีขึ้นมามากแล้ว เธอจึงเริ่มลงมือขัดสีฉวีวรรณตนเองจนจิตใจผ่องใส จากนั้นจึงยอมก้าวกายออกจากอ่าง ทำความสะอาดล้างฟองออกจากตัวใต้ฝักบัวใหญ่ .. เช็ดตัวให้แห้งและอุ่น โดยไม่ลืมทาครีมบำรุงผิวประทินโฉมที่แพงระยับที่วางเรียงอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง ก่อนคว้าชุดนอนเนื้อนุ่มเย็นลื่นบางเบามาสวมใส่
และด้วยนิสัยของเธอเองที่ก่อนนอนจะชอบดื่มนมมาแต่ไหนแต่ไร แต่พอเปิดมินิบาร์แล้วขมวดคิ้วสงสัยว่า ป้าจำเนียรคงจะลืมนำมันมาเติมไว้ให้ซะละมังวันนี้
สาวน้อยเอาแต่ใจชักสีหน้าขุ่นๆ .. แต่พอนึกได้ว่า ..
อ่อ! บ้าจริง!! เธอลืมไปซะสนิท เมื่อบ่าย ป้าแม่บ้านใหญ่เพิ่งมาขอวันหยุดเพื่อลากลับบ้านที่อยู่จังหวัดติดกันนี้ เหตุผลเพราะญาติสนิทของแกป่วยหนัก ซึ่งญาติหญิงคนนั้นเขาไม่มีลูกหลานคอยดูแล แกเลยมาขอกลับไปเยี่ยมเยือนดูแลกันสักสองสามวัน โดยทิ้งเด็กสาวผู้ช่วยคนหนึ่งไว้ กับ 'ราม' กึ่งคนขับรถกึ่งบอดี้การ์ดวัยลุงที่มาคอยดูแลเธอ ซึ่งเขามีนิสัยเคร่ง นิ่ง ขรึม แต่หน้าตาอัปลักษณ์ ที่มาที่ไปเธอไม่ทันได้สนใจใคร่รู้นัก รู้แค่ว่าบิดารับมาจากการแนะนำของเพื่อนสนิท ที่ปกติเขาจะคอยแต่ดูแลความปลอดภัยให้บิดาเวลาไปไหนมาไหน แต่หลังๆ บิดาต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยขึ้น อยู่ดูแลธุรกิจที่สิงคโปร์นานขึ้น ประจวบกับเธอกลับมาอยู่บ้าน รามเลยกลายมาเป็นบอดี้การ์ดพ่วงตำแหน่งคนขับรถของเธอแทน
ส่วนเด็กแว่นแก้ว เป็นสาวรุ่นหลานห่างๆ ของป้าจำเนียรเองที่เพิ่งเข้ามาทำงานไม่นานนี้ ก่อนที่คุณหนูสาวจะบินกลับมาอยู่บ้านนี้ได้ไม่นาน ก็เลยคงจะยังไม่ค่อยรู้ใจคุณหนูสาวสักเท่าไร ไม่ละเอียดพอ จึงไม่ได้มาตรวจมาเตรียมนมไว้ให้เธอดื่มในคืนนี้ .. ชั่งเถอะ ไม่เป็นไร … ตอนนี้อาบน้ำเสร็จใหม่สบายใจสบายหัว เลยว่าจะลงไปนั่งดูทีวีจอยักษ์ที่ด้านล่าง ห้องนั่งเล่น
ในตู้เย็นใหญ่ที่ครัวคงจะพอมีอยู่ ตอนแรกว่าจะกดกริ่งเรียกเด็กแก้วนั่นแหละให้นำนมขึ้นมาให้ แต่มองเวลาว่ามันคือช่วงเวลาพักผ่อนของคนทำงานบ้านแล้ว จึงเดินลงมาหยิบเอง … อาจคงเพราะบรรยากาศแบบนี้ เธอชอบอยู่เงียบๆ ลำพังคนเดียวด้วยนี่แหละ
แต่พอเข้าครัวเดินไปเปิดตู้เย็นขนาดใหญ่กว่าตู้เสื้อผ้าของคนบางบ้านซะอีกสิ ทว่า..นมยี่ห้อที่เธอชอบดื่มกลับไม่มี มีแค่โยเกิร์ตน้ำผลไม้ที่ยี่ห้อนี้เธอเองก็ชอบดื่มเช่นกันอยู่หนึ่งกล่องกลาง กับนมรสอื่นๆ ที่เธอไม่ได้นึกอยากจะดื่มมันนักในค่ำนี้ เลยเดาว่าสงสัยนมยี่ห้อประจำคงขาดตลาดอยู่มัง? แม่บ้านเลยซื้อนมเปรี้ยวยี่ห้อนี้มาสำรองเผื่อไว้ให้แทนแล้วคงลืมบอกเธอน่ะแหละ
เลยเดินหยิบกล่องนมทั้งกล่องนั้นกับขนมขบเคี้ยวมานั่งดื่มที่ห้องโถง กดรีโมททีวีดูด้วยความเคยชิน
ถ้าไม่มีทีวี .. บ้านนี้จะเงียบเหงาวังเวงพิลึกเลย
………..
ก๊อกๆๆ
เสียงมีใครสักคนมาเคาะประตูกระท่อมคนขับรถอัปลักษณ์เพราะอุบัติเหตุวัยลุงที่แยกออกมาพักเดี่ยวๆ ริมท้ายสวน
หากพอเจ้าของห้องเปิดประตูโผล่หน้ามาดู เพราะเขาเองก็นุ่งอยู่แค่ผ้าขาวม้าตัวเดียวเพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ก้าวจากห้องไม่ทันทำอะไรเลยก็มีคนมาเคาะประตู
"มีอะไรหรือแก้ว?" เขาถามเด็กสาวหน้าตาซื่อๆ แป๋วๆ ที่พอจะชะโงกหน้ามาดูคนเปิดประตูว่าทำไมไม่ออกมาคุยเต็มตัวก็โดนคนตัวใหญ่ผลักหัวกันไว้ก่อนทันที
"ลุงโป๊อยู่ อย่ามาทะลึ่ง!"
"อ้าว .. หนูไม่รู้นี่"
"มีอะไร"
"คุณหนูให้เอายามาให้" คนบอกยื่นมือ ยื่นหลอดยาทาแก้บวมแก้เคล็ดส่งให้เต็มหลอด
คนรับแม้จะทำหน้างง แต่ยื่นมือมารับแต่โดนดี ทั้งที่ก้มหน้าแต่มุมปากที่โดนไฟลวกจนอัปลักษณ์ก็ยังจะกระตุกคลี่
"ก็บอกแล้วว่ามียาหม่อง" เผลอพึมพำบ่นลมบ่นแล้ง
"ก็คุณหนูเขาไม่ได้ยิน" เด็กแก้วพาซื่อ
ครานี้คนตัวสูงใหญ่สูงวัยที่อึ้งอยู่ จึงไม่ได้ตอบ
"อ่อ! ลุงน่ะชวนหนูคุยจะเกือบลืม ตะกี้นี้ป้าจำเนียรเขาบอกว่าโทรมาหาลุงแล้วแต่ลุงไม่รับ สงสัยอาบน้ำอยู่เลยไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์แหละมัง"
"เอ่อ น่าจะใช่ .. แล้วเขาจะโทรหาลุงทำไม?"
"ป้าแกกำชับมาให้บอกว่า .. ก่อนลุงจะเข้านอนอย่าลืมไปเดินตรวจตราดูปิดบ้านปิดรั้ว กับประตูหน้าต่างบ้านใหญ่ให้แน่นหนาเรียบร้อย เพราะในส่วนของหนู หนูก็ปิดหมดแล้วล่ะ แต่บางทีคุณพอร์ชเธอก็ชอบนอนดึก หนูกลัวเขาจะลงมาดูซีรีส์ฝรั่งเรื่องโปรดของเขาคืนนี้ ปกติหนูกับป้าจะคอยผลัดกันมาดู มาตามไล่ปิดอีกหน .. แต่วันนี้หนูดันมีอาการไมเกรนกำเริบ เลยต้องบดผสมยานอนหลับลงในนมเปรี้ยวเพราะถ้าให้กินยาเพียวๆ มันจะขย้อนออกมาหมด นี่ก็เพิ่งกินยาไปตะกี้ แล้วหนูกลัวว่าฤทธิ์ยานอนหลับมันจะลากหนูสลบ ..ยังไงก็.. ก่อนจะนอน ลุงช่วยเดินไปตรวจซ้ำอีกหนได้เปล่า?"
"อ่อ ไอ้นมกล่องที่เอ็งฝากลุงซื้อเมื่อบ่ายน่ะหรือ?"
นึกถึงนมเปรี้ยวกล่องเขื่องๆ ที่เด็กสาวฝากเขาแวะซื้อที่ร้านค้ามาให้แทบทุกวัน
"อื้อ นั่นแหละ" แว่นแก้วพยักหน้า ก่อนกำชับผู้ชายตัวใหญ่ที่ระวังตัวเป็นนางอายเพราะยืนโป๊อยู่หลังประตูอีกหน
"อย่าลืมไปเดินตรวจประตูหน้าต่างที่ในบ้านใหญ่ด้วยนะลุง กลัวคุณหนูเธอจะเดินลงมาเปิดทิ้งไว้อีกเพราะชอบลงมาดูทีวีตอนดึกๆ หลายครั้งละที่ลงมาเปิดแอร์ เปิดทีวีทิ้งไว้ประจำเลย แล้วพอค่าน้ำค่าไฟแพง คุณนายท่านเขาก็มาบ่นพวกหนู เขาไม่กล้าว่าลูกสาวตัวเอง"
"เอ่อๆ .. รู้แล้วน่า เดี๋ยวจะแวะไปดูให้" พยักหน้าหงึกหงักรับคำให้ อีกฝ่ายจะได้สบายใจ
และนับจากนั้น สักราวสี่ทุ่มกว่า เจ้าของร่างทะมึนตัวสูงใหญ่จึงเดินท่อมๆ ออกมาสำรวจตรวจตราบริเวณรอบรั้วบ้าน ก่อนจะเดินมาส่องไปฉายตรวจดูที่ข้างตึก ทุกอย่างดูเงียบสงบ จนกระทั่งเดินผ่านมาที่ห้องนั่งเล่นเขาก็ได้ยินเสียงทีวี ร่างตะคุ่มเลยตัดสินใจเดินวนกลับมาทางประตูหลัง
นั่นไง .. ไหนเด็กแว่นแก้วบอกว่าปิดประตูดีหมดแล้วไงนี่ .. แล้วทำไมเขายังเปิดเข้ามาได้?
ช่างเถอะ .. ไปดูปิดทีวี ปิดแอร์ก่อนดีกว่า .. คนเราก็มีพลาด มีลืมกันได้น่า
หากทว่า .. พอคนตัวยักษ์สืบเท้าเข้าไปเดินชะโงกมองหารีโมทปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่โซฟานุ่มตัวยาว กลับมีเด็กสาวผิวขาวผ่อง หุ่นดี ใบหน้างดงามปานเทพธิดานอนสลบไสลระทดระทวยอยู่ตรงนั้น
เริ่มแรกเขาก็ตกใจ …
เชี่ยเอ้ย!! .. ต้องโดนวีนแน่ๆ กู
แต่ครั้นพอสืบเท้าเข้าไปใกล้ๆ .. ลมหายใจสงบ สม่ำเสมอ แปลว่าหลับลึกเลยแหะ!
หันซ้ายหันขวา จะปล่อยให้นอนแบบนี้ไปทั้งคืนคงไม่ได้ ... เดี๋ยวเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวตายห่า .. ตื่นเช้ามาเด็กแว่นแก้วจะโดนวีนเอาซะอีก .. เลยตัดสินใจเดินกลับไปหลังบ้านมุ่งหน้าไปที่ตึกเล็กด้านข้างอีกฝั่ง หยุดเคาะประตู โป๊ก!! โป๊ก!! ที่หน้าห้องของสาวใช้ผู้ช่วยแม่บ้าน แต่ก็ทั้งเคาะทั้งทุบจนประตูจะพังทั้งบานแล้ว ขนาดเขาโทรเข้าไปหาก็แล้ว เด็กแก้วก็ไม่ยอมตื่น … มีแต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังลอดออกมาถึงหน้าประตู แต่ไม่มีใครรับ ไม่มีเสียงใครขยับเคลื่อนไหว
เลยนึกขึ้นมาได้ว่า … อ่อ … เมื่อหัวค่ำเด็กแก้วบอกเล่าเขาไว้แล้วว่ากินยานอนหลับเพราะปวดหัวไมเกรนกำเริบอยู่
เลยจำต้องเดินกลับมาที่ห้องโถงใหญ่ของบ้านตามลำพังอีกหน หนนี้หางตาก็ตวัดไปเห็นกล่องนมเปรี้ยวว่างเปล่าที่วางบนโต๊ะเล็กๆ ข้างโซฟา แล้วนึกถึงบทสนทนากับเด็กสาวขึ้นมาก็จำได้ทันที
นี่มันนมยี่ห้อเดียวกับที่เด็กแก้วฝากเขาซื้อเมื่อบ่ายนี่หว่า?
ฉิบหายแล้ว .. แล้วเด็กนั่นมันบดยาลงไปกี่เม็ดก็ไม่รู้ .. เพราะทางโน้นก็หลับเป็นตายอยู่ในห้องไม่ยอมตื่น
ลองยกกล่องเขย่าๆ … เบาหวิว
นี่ดื่มหมดเกลี้ยงกล่องกันเลยเชียวหรอคุณหนูของกู!!
เฮ้อออ … เอาไงดีหว่า?
คนขับรถหน้าดุตัวใหญ่ยืนลูบหางคิ้วตัวเองอย่างครุ่นคิด
จะยกห้องนอนสวยๆ นั่นลงมาที่นี่ก็คงไม่ได้ .. แต่ถ้าให้ยกร่างบางๆ นี่ขึ้นไปวางไว้จึงน่าจะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด
เอาวะ! … ถึงจะโดนด่าก็อาจต้องยอม ดีกว่าปล่อยให้นอนตรงนี้แล้วยุงมาหามเป็นไข้เลือดออก เผลอๆ ทั้งคุณท่านทั้งคุณนายจะมาไล่ทั้งพวกเขาออกกันยกแก๊ง เขา แก้ว ป้าเนียร โทษฐานไม่ดูแล ปล่อยลูกสาวคนเดียวแถมหัวแก้วหัวแหวนเป็นไข้เลือดออกตาย
พอตัดสินใจเช่นนั้นได้ ก็ก้มตัว ช้อนร่างนุ่มอุ่นขึ้นมาแนบอก
เขาค่อนข้างโง่เง่า .. และตัดสินใจผิดมหันต์!!
เพราะพอเมื่อได้ช้อนร่าง สาวน้อยผิวใสที่ร่างกายทั้งอุ่นทั้งนุ่ม ทั้งกลิ่นที่หอมแตะจมูกแรงไว้ในอ้อมแขนแบบนี้ คนตัวสูงใหญ่ที่ต้องกลายมาเป็นชายอัปลักษณ์เนิ่นนานหลายปี ก็เพราะอุบัติเหตุที่เด็กหนุ่มไฮโซฯในวัยคึกคะนองคนหนึ่ง ที่มันทำให้ฝันร้ายของเขาถือกำเนิดขึ้น เพราะในอุบัติเหตุครั้งนั้นมันได้พรากชีวิตน้องชาย ญาติสนิทที่เหลืออยู่ในชีวิตเพียงคนเดียวกับครอบครัวน่ารัก ทั้งลูก ทั้งเมียของน้องชายเขาให้ตกตายไปด้วยพร้อมกันในเหตุการณ์ครั้งนั้น เขาสูญเสียสายสัมพันธ์ใกล้ชิดทุกสิ่งทุกอย่าง
🦋• คุณหนูของลุงราม : MY SWEET LADY •🦋
บทที่ 3 : ลมหายใจที่สงบเมื่อครู่
ยิ่งคิดยิ่งแค้นกรุ่น
แต่อย่างที่บอก .. เพราะอุบัติเหตุครั้งนั้น เขาเลยต้องกายมาเป็นคนอัปลักษณ์ ผู้หญิงคนไหนเลยไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้ ดังนั้นเขาเลยไม่เคยมีใคร นานๆ จึงจะออกไปใช่บริการข้างนอกสักที แต่ไปไม่ได้บ่อย
เขาไม่ชอบสายตาที่ผู้หญิงพวกนั้นมองเขา เพราะมีหลายคนมองเขาด้วยความสมเพช แอบรังเกียจ .. หรือไม่ก็มีบางคนที่สงสารเขา แต่ดูก็รู้ว่ามีหลายหญิงบริการที่ทนฝืนใจมาปรนเปรอให้เขาก็เพราะเงิน
แล้วเขาก็ดันบ้า … ที่ดันมีพลังทางเพศล้นเหลือ ยิ่งเก็บกด .. ยิ่งต้องปลดปล่อย
แล้วตอนนี้นี่ยิ่งจะยัง …..
เขาอุ้มร่างเล็กบอบบางหอมกรุ่น นุ่มนิ่ม หลับไม่รู้เรื่องรู้ราวพาดบ่าได้ง่ายดายปานคล้ายเธอคือกระสอบนุ่น
ค่อยๆ บิดลูกบิดประตู …
นึกแล้วเชียวว่าเจ้าของห้องคงจะประมาท ไม่เคยนอนล็อคห้อง
เพราะปกติเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้มาเฉียดใกล้แถวบ้านใหญ่นี้ ยกเว้นต้องซ่อมแซมห้องน้ำ ห้องครัว หรือไม่ก็ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบง่ายๆ
ค่อยๆ วางเจ้าของร่างระหงสมส่วนลงบนเตียงอย่างถนอมเบามือด้วยความรู้สึกที่เร้นลึกอยู่ในใจ .. ก่อนจะหันมองดูรอบตัวอย่างเพ่งพิศ
เขาควรจะก้าวเท้าออกไปให้พ้นจากตรงนี้แล้ว
แต่ …